*** หมายเหตุ : ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณ ตามหลักเกณฑ์ สคบ.กำหนดให้ร้านทองสามารถหักได้ไม่เกิน 5% จากราคาทองคำแท่งรับซื้อในวันนั้น ๆ ทั้งนี้หลักเกณฑ์ดังกล่าวใช้เฉพาะกรณีซื้อ-ขายร้านเดิมเท่านั้น ***

พระพุทธรูปทองคำ วัดเสถียรวัฒนดิษฐ์ อีกหนึ่งวัตถุล้ำค่าของ จ.สิงห์บุรี

ณ วันที่ 12/12/2557

HTML Editor - Full Version

    บทความนี้จะพาทุกท่านเที่ยวชม และสักการะพระพุทธรูปทองคำอีกหนึ่งองค์ที่ตั้งอยู่ในวัดเสถียรวัฒนดิษฐ์ใน ต.บางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ซึ่งวัดแห่งนี้มีความเก่าแก่มาก เดิมมีชื่อว่า “วัดท่ากระบือ” หรือ “วัดท่าควาย” ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากแม่น้ำลพบุรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

     พระพุทธรูปองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย หล่อขึ้นด้วยวัสดุโลหะสัมฤทธิ์ผสมทองคำ มีความสวยงามอ่อนช้อย พระพักตร์อิ่มเอิบ ดังคำอุปมาอุปมัยถึงพระศิลปะสุโขทัยรุ่นนี้ว่า “หน้านางคางหยิก” ซึ่งบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา และความมั่นคงความเจริญพูนสุขของไพร่ฟ้าประชาชนในอาณาจักรสุโขทัย

     ก่อนที่พระพุทธรูปสุโขทัยองค์นี้จะมาอยู่ที่กุฏิของพระครูไพศาลวัฒนาธร เจ้าอาวาสวัดเสถียรวัฒนดิษฐ์องค์ปัจจุบัน มีประวัติว่าแต่แรกพระพุทธรูปองค์นี้ห่อหุ้มด้วยปูน ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ในวิหารร้างกลางป่าช้าด้านหลังวัด (ทิศตะวันตก) มากว่า 100 ปีแล้ว ตรงกับสมัยหลวงพ่อเชย เกจิอาจารย์รุ่นเดียวกับหลวงปู่สุขแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท ซึ่งสมัยนั้นท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ที่ท่านได้ใช้บริเวณดังกล่าว เป็นสถานที่ปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ เนื่องจากเป็นสถานที่สงบและไม่มีคนรบกวน

     ต่อมาในช่วงที่หลวงพ่ออ่อน ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส หลังจากหลวงพ่อเชยมรณภาพไป ได้มีการบูรณะส่วนต่างๆ ของ วัดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระอุโบสถได้สร้างขึ้นมาใหม่แทนของเดิม ซึ่งชำรุดทรุดโทรมมาก โดยสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2491 จากนั้นชาวบ้านได้ร่วมแรงกันย้ายพระพุทธรูปองค์นี้ออกจากวิหารร้างจนเป็นเหตุให้เกิดรอยร้าวของปูนและเห็นเนื้อแท้ บางส่วนของพระพุทธรูป ซึ่งพบว่าทำด้วยโลหะจึงได้ช่วยกันกระเทาะปูนที่หุ้มภายนอกออกทั้งหมด สร้างความปลื้มปิติ และประหลาดใจเพราะเป็นพระเนื้อโลหะที่ค่อนข้างสมบูรณ์และสวยงามมาก ได้นำไปประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถหลังใหม่

      ต่อมา ในสมัยของหลวงพ่อจำลอง ได้นำพระพุทธรูปสุโขทัยองค์นี้ ไปร่วมประกวดสมัยกึ่งพุทธกาล เมื่อ พ.ศ. 2500 และได้รับรางวัลที่ 1 ประเภทสวยงาม จากข้อมูลการประกวดครั้งนั้น จึงได้ทราบว่า เป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยหล่อขึ้นด้วยวัสดุโลหะสัมฤทธิ์ผสมทองคำ ตรงกับช่วงสมัยของพระมหาธรรมราชาลิไท ซึ่งพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสูงสุด มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมากมาย ซึ่งมีลักษณะสวยงามมากกว่าทุกยุคสมัย

     หลังจากการประกวดในครั้งนั้น พระพุทธรูปองค์นี้ได้รับการเก็บรักษาไว้ในที่ลับต่างๆ เพื่อป้องกันการสูญหายจนสุดท้ายได้นำมาเก็บรักษาไว้ในกุฏิเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน โดยไม่มีผู้ใดทราบว่า วัดแห่งนี้มีของศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองถูกเก็บรักษาไว้อย่างมิดชิด

     จนกระทั่งเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 ได้มีผู้ที่เคยบวชเรียนในวัดแห่งนี้ นำข้อมูลไปบอก นายพระนาย สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี (ในขณะนั้น)ได้ทราบ จึงได้มากราบนมัสการ และเห็นว่าพระพุทธรูปมีลักษณะสวยงามมาก จึงได้ขอให้ท่านเจ้าอาวาสเปิดให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการะบูชา โดยผู้คนนิยมไปขอพรเพื่อให้สมหวัง ซึ่งทางวัดเปิดให้สักการะตั้งแต่ 10.00 – 16.00 น.

    

ที่มา : วารสารทองคำฉบับที่ 40 เดือนกันยายน-ตุลาคม พ.ศ.2556

Web Counter
ผู้ชม