1. ทองคำแท่ง (Gold Bar/Bullion)
“ทองคำแท่ง” หมายถึง ทองคำที่ผลิตขึ้นในลักษณะเป็นแท่งหรือแผ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนและการออมเป็นหลัก มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการสวมใส่หรือตกแต่งร่างกายโดยตรง
ลักษณะสำคัญของทองคำแท่ง ได้แก่
- ความบริสุทธิ์ (Purity): ทองคำแท่งที่ซื้อขายในประเทศไทยมีมาตรฐานความบริสุทธิ์ 96.5% หรือ 99.99% ตามหลักเกณฑ์ที่ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและสากล
- น้ำหนัก (Weight):
ในประเทศไทย: มีการผลิตตั้งแต่ขนาดเล็ก เช่น 0.1 กรัม, 0.5 กรัม, 1.0 กรัม, ครึ่งสลึง, 1 สลึง, 2 สลึง, 1 บาท, 2 บาท รวมไปถึงขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 5 บาท, 10 บาท, 20 บาท และ 50 บาททองคำ เป็นต้น (โดยทองคำแท่ง 1 บาท มีน้ำหนักเท่ากับ 15.244 กรัม)
ในต่างประเทศ: นิยมผลิตและซื้อขายตามมาตรฐานสากล เช่น 1 ออนซ์ (oz), 10 ออนซ์, 100 ออนซ์ หรือ 1 กิโลกรัม
- ลักษณะทางกายภาพ: มีรูปทรงเป็นแท่งหรือแผ่น อาจเป็นผิวเรียบหรือมีการประทับตราโลโก้ ลวดลาย หรือสัญลักษณ์เพื่อบ่งบอกผู้ผลิต ทั้งนี้ การผลิตทองคำแท่ง ไม่มีส่วนประกอบของน้ำประสานทอง
- ราคาและการซื้อขาย:
- การซื้อทองคำแท่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าบล็อคหรือค่าแพคเกจ ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการแต่ละราย
- การขายคืน สามารถขายได้ตาม ราคารับซื้อคืนทองคำแท่งที่สมาคมค้าทองคำประกาศ หรือตามราคาตลาดโลก
- อย่างไรก็ดี ในการซื้อขายผ่าน ร้านค้าปลีกบางแห่ง อาจมีการหัก ค่าดำเนินการ หรือค่าความเสี่ยงเนื่องจากความผันผวนของราคาทองคำ เพิ่มเติม เนื่องจากร้านค้าปลีกจำเป็นต้องนำทองคำแท่งไปขายคืนต่อให้ผู้ค้าส่งหรือบริษัทนำเข้าส่งออก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ อัตราค่าดำเนินการดังกล่าวขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ประกอบการแต่ละราย

2. ทองรูปพรรณ (Gold Ornament/Jewelry)
“ทองรูปพรรณ” หมายถึง ทองคำที่ถูกนำมาแปรรูปเป็นเครื่องประดับหรือของใช้ที่มีคุณค่า เพื่อการสวมใส่ การตกแต่ง หรือการมอบเป็นของขวัญ ทั้งนี้ ทองรูปพรรณยังถือเป็นทรัพย์สินที่สามารถซื้อขายและเก็บออมได้เช่นกัน
ลักษณะสำคัญของทองรูปพรรณ ได้แก่
- ความบริสุทธิ์ (Purity):
- มาตรฐานทองรูปพรรณที่ใช้ในการซื้อขายทั่วไปในประเทศไทย คือ 96.5% (ประมาณ 23K) ซึ่งเหมาะสมต่อการขึ้นรูปและการใช้งาน
- ในบางประเทศ ทองรูปพรรณอาจมีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.9–99.99% (24K) เช่น ประเทศจีน อินเดีย และกลุ่มตะวันออกกลาง
- นอกจากนี้ยังมีทองรูปพรรณในรูปแบบ 18K, 14K หรือ 10K ซึ่งนิยมในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานในการสวมใส่
- น้ำหนัก (Weight):
ในประเทศไทย มีการผลิตตั้งแต่ขนาดเล็ก เช่น ครึ่งสลึง, 1 สลึง, 2 สลึง, 1 บาท, 2 บาท รวมไปถึงขนาดใหญ่ตั้งแต่ 5 บาท, 10 บาท เป็นต้น (โดยทองรูปพรรณ 1 บาท น้ำหนักเท่ากับ 15.16 กรัม)
ในต่างประเทศ นิยมใช้หน่วยสากล เป็น กรัม (g)
- ลักษณะทางกายภาพ: ทองรูปพรรณมีการขึ้นรูปเป็นเครื่องประดับหลายประเภท เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล แหวน ต่างหู และอื่น ๆ มักมีการ ใช้น้ำประสานทอง* ในกระบวนการผลิตเพื่อเชื่อมต่อประสานชิ้นงาน
โดย น้ำประสานทอง* หมายถึง ทองคำที่ผสมกับโลหะชนิดอื่นตามสัดส่วน เพื่อลดทอนเปอร์เซ็นต์ทองคำลงและมีจุดหลอมเหลวที่ต่ำลง เมื่อใช้ความร้อนหลอมละลายน้ำประสานทองในการเชื่อมบริเวณรอยข้อต่อของชิ้นงาน โดยจุดหลอมเหลวของตัวชิ้นงานและน้ำประสานทองบริเวณข้อต่อจะมีความต่างกัน (น้ำประสานทองมีจุดหลอมเหลวต่ำกว่าชิ้นงาน) ทำให้น้ำประสานทองละลายก่อนชิ้นงานและสามารถเชื่อมติดกันได้ โดยมีการใช้สารบอแรกซ์ช่วยให้การไหลของน้ำประสานทองดีขึ้น
- ราคาและการซื้อขาย:
- ราคาขายทองรูปพรรณประกอบด้วยราคาทองคำแท่งตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ บวกกับค่าแรงทำหรือ “ค่ากำเหน็จ” ซึ่งเป็นค่าฝีมือในการออกแบบและการผลิต
- การขายคืน ร้านทองจะรับซื้อคืนตาม ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณ ที่สมาคมค้าทองคำประกาศ หรือ รับซื้อคืนหักไม่เกินร้อยละ 5 ของราคาทองคำแท่งรับซื้อคืนในวันที่ขาย เฉพาะทองรูปพรรณที่ได้ซื้อไปจากร้านค้าทองที่รับซื้อคืน ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เรื่อง แนวทางปฎิบัติทางการค้าของผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าทองที่เป็นธรรม (กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์) และข้อตกลงที่ร่วมกับ สคบ.
3. สรุปความแตกต่าง
- ทองคำแท่ง: ใช้เพื่อการลงทุนและการออม มีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีการใช้น้ำประสานทอง ราคาซื้อขายอ้างอิงราคาทองคำโดยตรง การขายคืนอ้างอิงตามราคารับซื้อคืนที่สมาคมค้าทองคำประกาศหรือตามราคาตลาดโลก โดยหลักทั่วไปไม่มีการหักค่าแรงหรือค่าเสื่อม แต่ร้านค้าปลีกบางแห่งอาจมีการหักค่าดำเนินการตามความจำเป็น
- ทองรูปพรรณ: ใช้เพื่อการสวมใส่ ความสวยงาม และเป็นของขวัญ มีการใช้น้ำประสานทอง มีราคาขายตามประกาศของสมาคมค้าทองคำรวมค่ากำเหน็จ การขายคืนมีการหักค่าเสื่อมโดยคำนวณจากราคาทองคำตามน้ำหนักจริงและสภาพการใช้งาน
