แผนงานของ สำนักงาน ปปง. ที่จะทำงานร่วมกับสมาคมค้าทองคำในปีนี้จะมีเรื่องอะไรบ้าง
ปีนี้ สำนักงาน ปปง. ยังคงทำงานร่วมกับสมาคมฯ ให้มากที่สุด โดยจะพยายามดึงผู้ประกอบการค้าทองคำได้รับรู้รับทราบเกี่ยวเรื่องกฎหมายฟอกเงินและเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดย ปปง. ต้องการให้ภาคธุรกิจเข้ามาช่วยสนับสนุนในเรื่อง ของการป้องกันอาชญากรรมการฟอกเงิน แต่ในกฎหมายมี การบัญญัติแนวทางปฏิบัติไว้หลายเรื่อง การที่ ปปง. มีทีม ออกไปช่วยในการดูแลกับผู้ประกอบการ ก็เพราะต้องการบอกว่าเราสามารถที่จะเดินไปด้วยกันได้
เพราะฉะนั้นแผนในปี 2568 ปปง.มุ่งเน้นให้ธุรกิจได้มีความเข้าใจ รับรู้รับทราบเกี่ยวกับกฎหมายฟอกเงิน เจตนารมณ์ และวิธีปฏิบัติให้มากที่สุด ผู้ประกอบการภาคธุรกิจก็ต้องแสดงเจตนาที่จะให้ความ ร่วมมือกับ ปปง. ในการที่ปฎิบัติตามกฎหมายฟอกเงิน ด้วย การเข้ามาลงทะเบียนในระบบ ที่ ปปง. จัดทำขึ้นเพื่ออำนวย ความสะดวกให้กับภาคธุรกิจ ที่เรียกว่า ระบบสารสนเทศเพื่อ การประเมินความเสี่ยงและบริหารจัดการคดีของผู้มีหน้าที่รายงาน หรือ Risk Assessment and Case Management for Reporting Entities System
หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า AMRAC หมายถึงการเข้ามาสำแดงตนว่าเป็นผู้ประกอบการได้รับรู้ รับทราบแล้ว หากว่าผู้ประกอบการยังมีข้อสงสัยสามารถ สอบถามกับเจ้าหน้าที่ ที่จะคอยให้ข้อมูล เพื่อจะได้มีความเข้าใจมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ ปปง. เน้นย้ำในปีนี้ คืออยากให้ผู้ประกอบการ มาลงทะเบียนกัน
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านทองมีอยู่จำนวนมากกระจายทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นการที่ลงทะเบียนผ่านระบบ ที่เตรียมไว้ถือเป็นช่องทางที่สะดวกที่สุดแล้ว ประเด็นต่อมาหลังจากที่เข้ามาแสดงตน หรือระบุตัวตนเรียบร้อยแล้ว จะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ ปปง.จะเริ่มแชร์ข้อมูล กลับไปให้ผู้ประกอบการได้รับทราบ เพื่อที่จะได้ปฎิบัติได้ถูกต้อง
ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันตัวของผู้ประกอบการเอง เพราะจะได้มีคู่มือในการปฎิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง หากว่า ผู้ประกอบการ ติดขัดในส่วนใดสามารถติดต่อผ่านระบบเข้ามา ให้เจ้าหน้าที่ช่วยให้คำปรึกษา ซึ่งในปี 2568 ทาง ปปง. คาดหวังผลสำเร็จในส่วนนี้มาก
ปปง.ตั้งเป้าให้ร้านค้าทองมาลงทะเบียนกี่ราย เราตั้งเป้าให้ผู้ประกอบการทุกรายมาลงทะเบียนในระบบ แม้จะมีความยากลำบาก แต่ก็อยากจะให้ได้มากที่สุด จากที่ หารือกับคณะกรรมการสมาคมฯ ทาง ปปง. ไม่ค่อย กังวลกับกลุ่มร้านทองที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ แต่กังวล ผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมฯ มากกว่า ซึ่งอยากจะให้สื่อสารว่า หากผู้ประกอบการรวมตัวกันได้ ก็จะทำให้ มีความเป็นเอกภาพสูง และจะสามารถช่วยแบ่งปันข้อมูลกันได้
ซึ่งการทำงานของ ปปง. อยากให้เป็นลักษณะการกำกับดูแลผ่านทางสมาคมฯ ที่จะสามารถพูดคุยกันได้ในแง่ของความ เป็นจริงของธุรกิจนั้นๆ แต่หากว่าไม่ได้เป็นสมาชิกฯ ก็ต้องหาข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่งอาจจะมีปัญหาได้ แต่ทั้งนี้ ปปง. ไม่ได้ ปิดกั้นเพราะมีช่องทางการสื่อสารหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ หรือว่าจะโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลก็ได้
แต่สิ่งสำคัญก็คือ เราต้องการความร่วมมือว่าถ้าสามารถอยู่ในกลุ่มเดียวกันได้ก็จะสะดวก ข้อมูลต่างๆ ก็จะรับรู้เหมือนกันหมด ที่สำคัญการอยู่เพียงลำพังก็อาจจะมีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดมากกว่า หากเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาจะให้เหตุผลว่าไม่รู้ รายละเอียดเรื่องข้อกฎหมายก็คงจะพิสูจน์ได้ยาก
ซึ่งเป้าหมายของ ปปง. ก็ต้องการให้ผู้ประกอบการมาลงทะเบียนให้มากที่สุด อย่างน้อยผู้ที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ควรจะเข้ามาลงทะเบียนครบทุกคน สำหรับผู้ที่ยังไม่มาลงทะเบียน ขณะนี้ก็เริ่มกระบวนการตรวจสอบ โดย ปปง. ได้จัดทำแผนการเข้าไปกำกับดูแลกับกลุ่มคนที่ยังไม่มาลงทะเบียน
โดยอาจจะจัดทีมลงไปตรวจสอบและให้คำแนะนำถึงพื้นที่ เพื่อให้เข้าใจถึงเหตุผลที่ต้องการให้มาลงทะเบียน ส่วนคนที่ลงทะเบียนแล้ว ก็จะเริ่มเข้าไปให้คำแนะนำในการปฎิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ด้วยนโยบายของ ท่านเลขาฯ ปปง. ที่ต้องการให้ทุกผู้ประกอบการเข้าใจและรับรู้ว่ากฎหมายฟอกเงินจริงๆ แล้วมีประโยชน์ต่อตัวผู้ประกอบการ
ถ้ามองเฉพาะผู้ประกอบการค้าทองคำ ที่ได้มาลงทะเบียน ตอนนี้มีปริมาณน่าพอใจเพียงไร
หากมองในภาพรวม จะมีเพียงบางกลุ่มที่มีผู้ประกอบการ ไม่มากและได้มาลงทะเบียนครบแล้ว อย่างกลุ่มธนาคาร แต่ถ้าจะพิจารณาระหว่างกลุ่มค้าทองคำกับกลุ่มอื่นๆ ถือว่าน่าพอใจมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะมีการรวมกลุ่มที่เข้มแข็งในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังคาดหวังว่าทุกคนจะมาลงทะเบียนโดยไม่มีข้อยกเว้นแต่ก็ยอมรับว่ายังมีบางกลุ่มที่ไม่ยอมที่เข้ามาเรียนรู้ เพราะมองว่าเป็นเรื่องวุ่นวายและยุ่งยาก
ก็อยากให้ลองศึกษาและพยายามเข้ามาลงทะเบียน ซึ่งจะรู้ว่าทาง ปปง. ได้เตรียมความพร้อม ให้ท่านในหลายๆ เรื่องอยู่แล้ว แค่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ จะรู้ว่าไม่ได้ยุ่งยาก ยกเว้นว่ามีเจตนาแอบแฝงที่ไม่อยาก จะลงมาทะเบียน ก็จะถูกตรวจสอบในลำดับถัดไป
เพราะการเข้ามาลงทะเบียนจะเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สร้างความตระหนัก เพื่อไม่ให้การประกอบการค้าตกเป็นเครื่องมือ ของการฟอกเงิน เพราะหากคนร้ายจะมาฟอกเงินก็คงไม่ได้ มีการแจ้งให้ทราบ แต่หากผู้ประกอบการทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ไป ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของคนร้าย ซึ่งในธุรกิจ ค้าทองคำถือว่ามีความเสี่ยงสูง และมีผลกระทบค่อนข้างสูง ทีเดียว ประกอบกับกลุ่มคนร้ายก็มีวิวัฒนาการที่จะเข้ามาก่อเหตุในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งอาชญากรด้านฟอกเงินจะไม่ใช่กลุ่มที่จะมาจี้ปล้น และเป็นคนที่เข้ามาทำธุรกรรมปกติ แต่มีเบื้องหลังเบื้องลึกในบาง
สิ่งที่ทำไปเพื่อหวังสิ่งตอบแทนที่เป็นทรัพย์สิน แต่ในกระบวนการที่ได้ทรัพย์สินมามันไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามหลักกฎหมาย ตามจารีตประเพณี หรือบริบทของประเทศไทย พอได้ทรัพย์สินมาก็ต้องพยายามปกปิดทรัพย์สินนั้นๆ ด้วยการหาวิธีการต่างๆ เพราะฉะนั้นการที่จะมาฟอกเงินผ่านการซื้อขายทองคำ คนร้ายก็ต้องมีองค์ความรู้ ต้องคิด ต้องวางแผน และต้องเห็นช่องโหว่
ดังนั้น ผู้ประกอบการก็ต้องมีกระบวนการในการที่จะตระหนัก หรือต้องระมัดระวังในช่องโหว่ที่จะเกิดขึ้นได้ และยิ่งในปัจจุบันเป็นโลกดิจิตัล กระบวนการและวิธีการ จะมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น วันนี้การประกอบธุรกรรมต่างๆ มีความรวดเร็ว ทำให้ช่องโหว่ยิ่งเปิดกว้าง ซึ่งหากเกิดปัญหา การแก้ไขจะทำได้ลำบาก
การทำงานของ ปปง. มีหลายส่วน ทั้งการให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วม และเรื่องการให้ความรู้กับผู้ประกอบการ
ในปีนี้มีการวางไว้อย่างไรบ้าง ในส่วนของการเข้ามามีส่วนร่วมของผู้ประกอบการมองว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการได้รู้ก่อนว่ารายละเอียดและเป้าหมายของ ปปง. เป็นอย่างไร จากนั้นถึงจะวัดได้ว่าผู้ประกอบการให้ความสำคัญอย่างไร แต่การสร้างการมีส่วนร่วม ปปง. ได้พยายามทำอยู่ตลอดเวลา มีการจัดประชุมสัมมนา
ที่จัดทำโดย ปปง. เอง และสมาคมค้าทองคำ ได้เชิญให้เข้าไปร่วมงาน ซึ่งมองว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งมองว่าการทำงานร่วมกันระหว่าง ปปง. กับสมาคมฯ เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ร่วมกันที่ดี
ส่วนโครงการให้ความรู้กับพนักงานให้บริการหน้าร้าน ยังจะต้องทำต่อเนื่องใช่หรือไม่
ต้องดำเนินการต่อเนื่อง ความรู้เรื่องนี้คงหยุดไม่ได้ และอาจจะต้องมีการอัพเดทความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติม เพราะคนร้ายก็มีแนวทางใหม่ๆ ในการลงมือ ทางผู้ประกอบการก็ต้องอัพเดทข้อมูลเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ปปง. ในฐานะที่รู้ข้อมูลตรงนี้ ก็ต้องไปแชร์ไปยังผู้ประกอบการ ผ่านเวทีต่างๆ เหลือ
เพียงแค่ว่าผู้ประกอบการจะให้ความสนใจและใส่ใจกับการดำเนินงานของ ปปง. มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ การอบรมแต่ละครั้ง จะต้องมีการพัฒนารูปแบบและต้องมีการนำเสนอข้อมูลใหม่ๆ สอดแทรกไปทุกครั้ง เช่นการทำธุรกรรมต้องสงสัย จากในสมัยก่อนจนถึงปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนแปลงไป ทั้งปริมาณที่ซื้อ รูปแบบการจ่ายเงิน หรือหากใครจะมาชวนไปค้าทองผ่านออนไลน์ ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น มีการตรวจสอบมากขึ้น เพราะเทรนด์ใหม่ๆ กำลังมา
ในอนาคตการค้าทองคำอาจจะถูกนำไปผูกกับการทำเหรียญคอยน์ต่างๆ ที่เป็นสินทรัพย์ดิจิตัล ซึ่งเทรนด์นี้กำลังมาแรง ต้องติดตามข้อมูลใกล้ชิด และผู้ประกอบการต้องเริ่มปรับตัว ซึ่ง ปปง. ก็ต้องให้ข้อมูลกับผู้ประกอบการว่าเรื่องของสินทรัพย์ดิจิตัลต้องระวังในเรื่องอะไรบ้าง คนร้ายจะมีวิธีการอย่างไร หรือกรณีของคอลเซ็นเตอร์ที่แพร่ระบาด คนร้ายจะใช้วิธีการอย่างไร และผู้ประกอบการต้องระมัดระวังอย่างไร
ปีนี้จะมีกฎระเบียบใหม่ๆ เพิ่มเติมหรือไม่
คิดว่าไม่น่าจะมี แต่อยากให้ทุกท่านทำกรอบระเบียบเดิมๆ ให้เต็มความสามารถ ทั้ง ปปง. และผู้ประกอบการ ได้ร่วมมือกันแบ่งปันข้อมูล มองว่าแค่นี้ในปีนี้ก็น่าจะพึงพอใจ โดย ปปง. ต้องเตรียมการไว้ เพราะประมาณปี 2570-2571 ประเทศไทยจะถูกประเมินจาก “FATF” ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ประเมินประเทศต่างๆ ในโลก ว่ามีกรอบวิธีกระบวนการในเรื่องของการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินอย่างไร
โดยจะนำข้อมูลที่ได้ไปประเมินว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีความเสี่ยงมาก การทำธุรกรรมระหว่างประเทศก็จะยากมากขึ้น ถ้าผู้ประกอบการในกลุ่มใดที่มีความเสี่ยงในเรื่องการฟอกเงิน ก็จะถูกรายงานไปยังบรรดาประเทศสมาชิก เนื่องจาก “FATF” เป็นองค์กรกลางระหว่างประเทศทั่วโลก ซึ่งประเทศที่มีความเจริญก็อาจไม่อยากเสี่ยงที่จะมาทำธุรกรรมกับเรา หรืออาจจะเพิ่มกำแพงกีดกันทางการค้า หรือกำแพงกิจกรรมทางการเงิน
เพราะมองว่าไม่อยากให้เงินที่สกปรกจากการฟอกเงินเข้าไปในประเทศเขา เพราะฉะนั้นทุกภาคส่วนทุกธุรกิจ จะต้องเตรียมความพร้อมตรงนี้ ซึ่งเป็นบทบาทและหน้าที่ของสำนักงาน ปปง. ที่จะเป็นหลักในการเตรียมความพร้อมก่อนการที่จะมีการประเมินในอนาคต
สุดท้าย ปปง. อยากจะฝากอะไรถึงผู้ประกอบการ
ในเรื่องกฎหมายกฎระเบียบ สำนักงาน ปปง. ไม่ได้ต้องการออกมาเพื่อจับผิด หรือเข้าไปตรวจสอบเพื่อจับผิดผู้ประกอบการ แต่มีจุดหมายคือออกมาเพื่อปกป้องผู้ประกอบการ ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือที่คนร้ายใช้ในการฟอกเงิน เพราะเจตนาของ ปปง. คือไม่อยากให้เกิดการฟอกเงินในกระบวนการของประเทศไทยใน ทุกธุรกิจ แต่ในกระบวนการป้องกัน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันในการหากลวิธี หากลไกการป้องกันแต่ละธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้ แต่ก็ต้องมีการเฝ้าระวัง
อย่างเช่น ในเรื่องของการทำ KYC การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (CDD) หลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนต่างๆ ที่ต้องทำ เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งตรงนี้ ปปง. คาดหวังว่า ธุรกิจค้าทองคำจะไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ร้ายที่จะมาใช้ทองคำในการฟอกเงิน






ที่มา: วารสารทองคำ ปีที่ 22 ฉบับที่ 79 เดือน มกราคม - มีนาคม 2568