*** หมายเหตุ : ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณ ตามหลักเกณฑ์ สคบ.กำหนดให้ร้านทองสามารถหักได้ไม่เกิน 5% จากราคาทองคำแท่งรับซื้อในวันนั้น ๆ ทั้งนี้หลักเกณฑ์ดังกล่าวใช้เฉพาะกรณีซื้อ-ขายร้านเดิมเท่านั้น ***

พระภิกษุ ซื้อ-ขายทองคำได้ แต่ร้านทองต้องคุมเข้ม

ณ วันที่ 28/11/2568

หลังจากที่ได้เกิดข่าวกรณีที่มีพระภิกษุได้นำปัจจัยที่ได้รับมาซื้อทองคำ หรือมีกรณีที่นำเงินของวัดหรือของมูลนิธิ มาซื้อทองคำโดยอ้างว่าจะนำไปหล่อสร้างพระพุทธรูป หรือสร้างพระบูชา ซึ่งเรื่องนี้ได้มีสมาชิกร้านค้าทองคำสอบถามว่า ทางร้านสามารถทำธุรกรรมได้หรือไม่ และต้องมีการเก็บข้อมูลอย่างไรบ้าง

เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทางทีมงานวารสารทองคำจึงได้ไปสอบถามกับ พ.ต.ท.ชัยชนะ กาญจนะคช ผู้อำนวยการส่วนกำกับและตรวจสอบ 7 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้รับข้อมูลมาดังนี้

กรณีที่พระภิกษุได้มาทำธุรกรรมซื้อ-ขายทองคำหรือ ลงทุนเทรดทองคำ กฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ และกฎหมายฟอกเงินก็ไม่ได้ห้ามทำเช่นกัน แต่ผู้ประกอบการจะมีประเด็นเรื่อง การบริหารความเสี่ยงของลูกค้าที่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายระบุไว้อย่างเคร่งครัด เพราะเป็นลูกค้าที่มิได้ประกอบธุรกิจ แต่ดำเนินกิจกรรมเป็นผลให้ได้มาซึ่งเงินสดหรือโดยไม่มีแหล่งที่มาอย่างชัดเจน

การบริหารความเสี่ยง เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการประเมินเพื่อระบุตัวตน และพิสูจน์ทราบตัวตนของลูกค้าด้วยการทำ KYC เหมือนกับกรณีที่ลูกค้ามาซื้อทองคำ ไม่ว่าจะขอดูบัตรประชาชน หรือบัตรประจำตัวพระภิกษุสงฆ์ที่หน่วยงานราชการออกให้การสอบถามที่มาของเงินที่นำมาซื้อทองคำ สอบถามวัตถุประสงค์ ของการนำทองคำไปใช้ และผู้ที่สั่งซื้อทองคำ ผู้ที่จ่ายเงินซื้อทองคำ และคนที่รับของจะต้องเป็นคนเดียวกัน

จากนั้นต้องกำหนดระดับความเสี่ยงต่ำหรือระดับความเสี่ยงสูงสำหรับลูกค้าแต่ละราย ตรวจทานความเคลื่อนไหวในการทำธุรกรรมให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงของลูกค้า การระบุตัวตนและพิสูจน์ทราบตัวตนของลูกค้าต้องสอดคล้อง กับระดับความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์หรือบริการ การทบทวนการประเมินความเสี่ยง จนถึงขั้นตอนการยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าแต่ละราย และต้องเก็บรักษาข้อมูลการแสดงตน

พ.ต.ท.ชัยชนะฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าผู้ประกอบการได้ข้อมูลแล้ว ต้องพิจารณาว่าข้อมูลดังกล่าวน่าเชื่อถือหรือไม่ แหล่งที่มาของเงินชัดเจนหรือไม่ และซื้อในปริมาณมากผิดปกติหรือไม่ หรือธุรกรรมที่ทำเป็นลักษณะของการเทรด Gold Online หรือ Gold Future ในตลาด TFEX ก็ควรจะรายงานให้ผู้บริหารสูงสุดของร้านได้รับทราบ

เพื่อที่จะตัดสินว่าควรปฏิเสธการทำธุรกรรมหรือยุติความสัมพันธ์ หรือให้ทำธุรกรรม และให้รายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (STR) ซึ่งเป็นรายงานที่ผู้ประกอบการยื่นต่อหน่วยงานภาครัฐ เมื่อสงสัยว่าลูกค้าหรือธุรกรรมอาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางการเงิน

และยิ่งถ้าพระภิกษุที่มาทำธุรกรรมมีตำแหน่ง สมณศักดิ์จะมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตาม ป.อาญา อาจถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงได้ ซึ่งเมื่อเกิดกรณีกับพระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ เช่น การทุจริตเงินวัด เงินบริจาค เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีตามมาตรา 157 ก่อน และอาจจะเอาผิดในข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติมในภายหลัง

พ.ต.ท.ชัยชนะฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยหลักพระธรรมวินัยแล้ว พระภิกษุจับต้องเงินทองไม่ได้ (มีข้อบัญญัติห้ามไว้) ภิกษุผู้ใดฝ่าฝืนต้องอาบัติ  “นิสสัคคิยปาจิตตีย์” (ลหุโทษ) ปลงอาบัติต่อหน้าสงฆ์ อาบัติเป็นอันระงับ อย่างไรก็ตาม การออกบวชของพระภิกษุเจตนาต้องเป็นไปในทางหลีกเร้นออกจากความสับสนวุ่นวายของสังคมฆราวาส บวชเพื่อ ลด ละ เลิก รูปแบบการดำเนินชีวิตในแบบของชาวบ้านทั่วไป กล่าวคือ ไม่ต้องประกอบอาชีพ เพื่อหารายได้มาดำรงชีพ หากแต่ต้องดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่เสาะแสวงหา ไม่สะสมวัตถุภายนอกใดๆ

ดังนั้น การที่มีพระภิกษุรูปหนึ่งรูปใดนำทองไปขายไม่ว่าจะด้วยตนเองหรือใช้วานให้ผู้อื่นไปขายแทนย่อมขัดต่อหลักพระธรรมวินัย ผิดต่อจารีตประเพณีแห่งพระพุทธศาสนา ชาวโลกติเตียน ประชาชนทั่วไปย่อมมีสิทธิและหน้าที่ในการต่อต้าน เพราะการกระทำเช่นว่านั้นนอกจากจะผิดหลัก พระธรรมวินัย ไม่สง่างามตามวิถีแห่งพุทธะแล้ว อาจนำมา ซึ่งปัญหาอาชญากรรม

พ.ต.ท.ชัยชนะฯ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่เกิดปัญหาการสู้รบ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีแหล่งปฏิบัติการของแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ ทำให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการ ฟอกเงินได้มีคำสั่งให้ยกระดับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่เกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี

โดยระบุว่า ด้วยประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ปัญหาความรุนแรงของอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กระทบกับชีวิตและ ความเป็นอยู่ของประชาชน ความเชื่อมั่นของประเทศไทยใน ระดับนานาชาติ ประกอบกับการเปิดเผยรายงาน “Inflection Point: Global Implications of Scam Centres, Underground Banking, and Illicit Online Marketplaces in Southeast Asia” ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเสียหาย ต่อความมั่นคงของประเทศไทย

ในการนี้ เพื่อเป็นการป้องกันภัยคุกคามและป้องกัน มิให้ประเทศไทยถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงินจากอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าว สำนักงาน ปปง. จึงให้ผู้ประกอบการค้าทองคำยกระดับ การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการรับทำธุรกรรม ในกิจการของท่าน

โดยดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในเรื่องของการจัดให้ลูกค้าแสดงตน (KYC) การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (CDD) และ การรายงานการทำธุรกรรมของกลุ่มเครือข่ายอาชญากรรม ข้ามชาติ และ/หรือ อาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเข้มข้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณพื้นที่ที่มีอาณาเขตติดต่อ กับประเทศเพื่อนบ้านที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งหากพบว่ามีการทำธุรกรรมของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องมีเหตุอันควรสงสัย ขอให้พิจารณารายงานเป็นธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยไปยังสำนักงาน ปปง. ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดและรับโทษตามที่กฎหมายกำหนด

ที่มา: วารสารทองคำ ปีที่ 22 ฉบับที่ 81 เดือน ก.ค. - ต.ค. 2568